หลายๆคนคงสงสัยว่าอายุเยอะแล้วยังสามมารถปลูกผมได้อยู่ไหม? อายุเป็นปัจจัยหนึ่งที่ควรพิจารณาในการปลูกผม เนื่องจากการปลูกผมเป็นการผ่าตัดที่มีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น การติดเชื้อ อาการบวมช้ำ หนังศีรษะเป็นแผลเป็น เป็นต้น โดยทั่วไปแล้ว อายุที่เหมาะสมในการปลูกผม คือ อายุ 18-65 ปี ผู้ที่มีอายุเกิน 65 ปี อาจได้รับความเสี่ยงในการเกิดผลแทรกซ้อนหลังการปลูกผมมากขึ้น ปัจจัยอื่นๆ ที่ควรพิจารณาในการปลูกผมสำหรับผู้สูงอายุ นอกจากอายุแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ควรพิจารณาในการปลูกผมสำหรับผู้สูงอายุ เช่น
- สุขภาพโดยรวมของผู้สูงอายุ ควรมีสุขภาพแข็งแรง ไม่เป็นโรคประจำตัวที่เป็นข้อห้ามในการปลูกผม เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคเลือด เป็นต้น
- สภาพเส้นผมของผู้สูงอายุ ควรมีเส้นผมที่แข็งแรงและเจริญเติบโตได้ดี หากเส้นผมของผู้สูงอายุไม่แข็งแรง อาจส่งผลให้เส้นผมที่ปลูกไม่ขึ้นหรือหลุดร่วงได้ง่าย
- ความต้องการในการปลูกผมของผู้สูงอายุ ควรพิจารณาถึงความต้องการและคาดหวังในการปลูกผมของผู้สูงอายุอย่างรอบคอบ หากผู้สูงอายุต้องการปลูกผมเพื่อปกปิดศีรษะล้าน อาจไม่จำเป็นต้องปลูกผมจำนวนมาก หากผู้สูงอายุต้องการปลูกผมเพื่อเพิ่มความมั่นใจในบุคลิกภาพ อาจจำเป็นต้องปลูกผมจำนวนมาก
1.ระดับความรุนแรงของศีรษะล้านและปริมาณเส้นผมที่เหลืออยู่
ปริมาณเส้นผมที่เหลืออยู่จะลดลงตามระดับความรุนแรงของศีรษะล้าน โดยในผู้ป่วยระดับ 1 จะมีปริมาณเส้นผมที่เหลืออยู่ค่อนข้างมาก ผู้ป่วยระดับ 2 จะมีปริมาณเส้นผมที่เหลืออยู่ปานกลาง ผู้ป่วยระดับ 3 จะมีปริมาณเส้นผมที่เหลืออยู่น้อย และผู้ป่วยระดับ 4 จะมีปริมาณเส้นผมเหลืออยู่น้อยมากหรือไม่มีเลย
ระดับความรุนแรงของศีรษะล้านและปริมาณเส้นผมที่เหลืออยู่ จะเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกวิธีการรักษา โดยผู้ป่วยที่มีระดับความรุนแรงของศีรษะล้านต่ำ อาจสามารถรักษาด้วยวิธีใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมได้ แต่ผู้ป่วยที่มีระดับความรุนแรงของศีรษะล้านสูง อาจจำเป็นต้องรักษาด้วยวิธีปลูกผม1
2.การออกแบบ Hair Line หรือการดีไซน์แนวของเส้นผม
การออกแบบทรงผมในผู้สูงอายุ โดยเน้นความธรรมชาติให้เข้ากับช่วงอายุนั้นๆ เช่น การกำหนดทรงผมที่สูงขึ้นเล็กน้อย และใช้ความหนาแน่นที่พอดี ให้เข้ากับความหนาแน่นของผมเดิมของคนไข้ เพราะอายุที่มากขึ้น ความหนาแน่นของเส้นผมก็จะเริ่มน้อยลง ตัวอย่างเช่น คนไข้สูงอายุเพศชาย มีแนวผมด้านหน้าถอยร่นเล็กน้อย บริเวณกลางกระหม่อมเริ่มบางลง แพทย์จึงออกแบบทรงผมให้มีลักษณะเป็นทรงบ๊อบสั้น ความยาวระดับติ่งหู ตัดซอยด้านข้างให้ดูมีวอลลุ่ม โดยเน้นให้ผมด้านหน้ายังคงปกปิดแนวผมที่ถอยร่นไว้ เพื่อปกปิดจุดบกพร่องและทำให้ดูมีผมหนาขึ้น ทั้งนี้การออกแบบแนว Hair Line นั้นต้องขึ้นอยู่กับประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของทีมแพทย์อีกด้วย
3. โรคประจำตัวของคนไข้ที่มีอายุมาก
ไม่ใช่ทุกคนที่มีผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้านจะรักษาด้วยการปลูกผมได้เสมอไป หากปัญหาของคุณเกี่ยวกับผมร่วงหรือผมบางเกิดจากปัจจัยทางพันธุกรรมหรือปัจจัยที่อยู่นอกเหนือควบคุม การปลูกผมอาจไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพบางประการ เช่น โรคประจำตัวบางชนิด โรคประจำตัวที่อาจส่งผลต่อการปลูกผม ได้แก่
- โรคหัวใจ โรคหัวใจเป็นภาวะที่หัวใจทำงานผิดปกติ อาจทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงบริเวณหนังศีรษะไม่เพียงพอ ส่งผลให้การปลูกผมไม่ได้ผลลัพธืที่ดีเท่าที่ควร
- โรคเบาหวาน โรคเบาหวานเป็นภาวะที่ระดับน้ำตาลในเลือดสูง อาจทำให้แผลหลังปลูกผมหายช้าลงและเกิดการติดเชื้อได้ง่าย
- โรคความดันโลหิตสูง โรคความดันโลหิตสูงเป็นภาวะที่ความดันโลหิตสูง อาจทำให้เลือดออกหลังปลูกผมได้ง่าย
- โรคมะเร็ง โรคมะเร็งเป็นภาวะที่เซลล์ในร่างกายแบ่งตัวผิดปกติ อาจทำให้การรักษาด้วยการปลูกผมไม่ประสบความสำเร็จ
- โรคแพ้ภูมิตัวเอง SLE และโรคผมบางกรรมพันธุ์ DUPA เป็นสาเหตุที่พบบ่อยของอาการผมร่วง ผมบาง ทั้งสองโรคนี้ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยการปลูกผม แต่ในปัจจุบันมีเทคนิคใหม่ที่เรียกว่าการรักษาด้วยการฉีดไขมันกระตุ้นรากผม (ALMI Nano Fat) ที่สามารถช่วยแก้ปัญหาผมบาง ศีรษะล้านจากโรคทั้งสองชนิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การรักษาด้วย ALMI Nano Fat เป็นการนำไขมันจากบริเวณที่มีไขมันส่วนเกิน เช่น หน้าท้อง สะโพก นำมาผ่านกระบวนการแยกสกัดเซลล์ไขมันที่มีชีวิต จากนั้นจึงฉีดกลับเข้าไปในบริเวณที่มีปัญหาผมบาง ศีรษะล้าน เซลล์ไขมันที่มีชีวิตจะช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมใหม่ ช่วยให้ผมหนาขึ้น ดกดำขึ้น
ข้อดีของการรักษาด้วย ALMI Nano Fat
- ไม่จำเป็นต้องผ่าตัด เป็น Single Treatment เพราะทำเพียงครั้งเดียวเห็นผล
- ใช้เวลาในการรักษาเพียง 1-2 ชั่วโมง
- ผลลัพธ์ชัดเจน เส้นผมขึ้นใหม่ภายใน 3-6 เดือน \
- เหมาะสำหรับคนที่มีโรคประจำตัวบางโรค จนไม่สามารถปลูกผมได้ หรือคนที่มีกราฟต์ผมไม่เพียงพอ
- ปลอดภัย ไม่มีผลข้างเคียง เนื่องจากเป็นการใช้ Growth Factor จากของตัวเอง ไม่มีสารแปลกปลอม
มีงานวิจัยหลายชิ้นที่ศึกษาประสิทธิภาพของการรักษาด้วย ALMI Nano Fat ในผู้ป่วยโรคแพ้ภูมิตัวเอง SLE และโรคผมบางกรรมพันธุ์ DUPA พบว่าการรักษาด้วย (ALMI Nano Fat Hair) สามารถช่วยเพิ่มปริมาณเส้นผมได้อย่างชัดเจน โดยพบว่าเส้นผมขึ้นใหม่ประมาณ 40-60% ของบริเวณที่มีปัญหาผมบาง ศีรษะล้าน
โดยสรุป
การรักษาด้วย ALMI Nano Fat เป็นทางเลือกใหม่ในการรักษาผมบาง ศีรษะล้านจากโรคแพ้ภูมิตัวเอง SLE และโรคผมบางกรรมพันธุ์ DUPA ที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย โดยไม่ต้องผ่าตัด อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจทำ เพื่อให้แพทย์ประเมินความเสี่ยงและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
นอกจากนี้ ผู้ที่รับประทานยาบางชนิด เช่น ยาละลายลิ่มเลือด ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ยารักษาโรคจิตเภท ยารักษาโรคซึมเศร้า อาจจำเป็นต้องหยุดยาก่อนปลูกผม เพื่อให้การผ่าตัดเป็นไปอย่างปลอดภัย อย่างไรก็ตาม การปลูกผมสำหรับผู้สูงอายุก็สามารถทำได้เช่นกัน แต่ควรปรึกษาแพทย์ปลูกผมผู้เชี่ยวชาญอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจปลูกผม เพื่อประเมินความเสี่ยงและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม